อานิสงค์ของการให้ทาน

Rate this item
(0 votes)
อานิสงค์ของการให้ทาน

เราทุกคนได้บริจาคทานกันมาแล้วทั้งนั้น มากบ้างน้อยบ้าง แต่อาจจะไม่ทราบว่าทานที่เราได้ทำไปแล้วนั้นผลจะออกมาในรูปไหนอย่างไร เพราะฉะนั้น จะขอสรุปผลของทานประเภทต่างๆที่บุคคลทำแล้วก่อให้เกิดผลตามหลักพุทธศาสนา ข้อความต่อไปนี้มาจากพระไตรปิฏกเป็นส่วนใหญ่

1. การให้ทานด้วยความเชื่อ คือ ต้องเชื่อ ต้องศรัทธา เมื่อให้ทานด้วยศรัทธา ผลของทานจะทำให้ผู้นั้นเป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีรูปงาม มีผิวพรรณงดงามยิ่ง นี้ถ้าให้ทานด้วยศรัทธา บางคนให้ทานด้วยรู้สึกเฉยๆ ศรัทธามีน้อย แต่ถ้าให้ด้วยศรัทธาเลื่อมใสแล้ว ของนั้นจะน้อยหรือจะมากแต่เมื่อจิตใจเลื่อมใสแล้วบุญจะมาก

2. ให้ทานด้วยความเคารพ ผลของทานจะทำให้ผู้นั้นเป็นคนมีทรัพย์มาก มีผู้อื่นเชื่อฟัง คือ บางคนมีทรัพย์สมบัติ แต่ไม่ค่อยมีคนเชื่อฟัง นี่ผู้อื่นจะเชื่อฟังเพราะคนผู้นั้นให้ทานด้วยความเคารพ

3.ให้ทานตามกาลอย่างการถวายผ้าป่าถวายกฐินหรือทำทานอะไรตามกาลเวลาผลของทาน จะให้ผู้นั้นมีทรัพย์มากมีความต้องการตามกาลย่อมได้รับสิ่งนั้นโดยสมบูรณ์

4.ให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์คือหวังว่าจะอนุเคราะห์คนอื่นเพื่อเกื้อกูล เพื่อช่วยเหลือผลของทานจะทำให้ผู้นั้นมั่นคงมีทรัพย์มากและจิตของเขาจะน้อม ไปเพื่อประโยชน์ตามคุณค่าอันโอฬารคือมีทรัพย์แล้วใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยชน์ แต่บางคนมีทรัพย์แล้วจะเก็บไว้เฉยๆหรือใช้นิดหน่อยพวกนี้การให้ทานคราวก่อน นั้นไม่มีลักษณะอนุเคราะห์เกื้อกูล

5. ผู้ให้อาหารเป็นทาน ชื่อว่าให้อายุ ผิวพรรณ ความสุข กำลัง และปฏิภาณ นี้ในพระไตรปิฏกก็บ่งไว้อย่างนั้น ในที่นี้ถอดเอาแต่ย่อๆมาว่า ถ้าให้อาหารเป็นทาน ตนย่อมได้รับสิ่งตอบสนองเป็นของมนุษย์บ้าง เป็นทิพย์บ้าง

6. ผู้ใดให้ของที่เลิศ ให้ของที่ดี ให้ของที่ประเสริฐ ผู้นั้นไปเกิดในที่ใดๆย่อมมีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ข้อนี้ก็คล้ายกับที่พูดมาในตอนต้น เป็นการย้ำ

7. ผลของทานที่ให้ในปัจจุบัน( บางคนคิดว่าให้ทานแล้วต้องรอกินผลในชาติต่อไปเท่านั้น) ทานนี้ให้ผลในชาติปัจจุบันด้วย โดยทานที่ให้ผลในชาติปัจจุบันนั้น ท่านแยกออกเป็น 12 ข้อ คือ

      7.1 เป็นที่มาของสมบัติทั้งหลาย คือเป็นที่เกิดของสมบัติ
      7.2 เป็นที่ตั้งแห่งโภคทรัพย์ทั้งหลาย โภคทรัพย์ คือ ของใช้สอย
      7.3 ทำให้ได้รับความสุขในปัจจุบัน
      7.4 ทำให้ผู้ให้เป็นที่รักของคนเป็นอันมาก อันนี้แน่นอน ถ้าคนไหนเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนก็รักมาก ลองเราให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ใคร เราก็ได้เป็นมิตรทันที ได้เป็นญาติเป็นมิตรทันที คนที่เขามีพวกพ้องพี่น้องบริวารมากเพราะเขาไม่ขี้เหนียว
      7.5 ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้ ข้อนี้แน่นอน เพราะแม้เขาโกรธ แต่พอเราให้เขาก็เลยไม่โกรธเรา
      7.6 ทำให้เป็นผู้มีเสน่ห์ คือ คนให้ทานย่อมเป็นคนมีเสน่ห์ หมายความว่ามีคนอื่นรัก ไม่จำเป็นต้องไปทำเสน่ห์ยาแฝด เป็นต้น
      7.7 ทำให้เป็นที่เคารพ คบหาของคนดี คนดีชอบคนที่ชอบให้ทาน
      7.8 ทำให้เข้าสังคมได้คล่องแคล่ว คนไหนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เข้าสังคมไหนก็รู้สึกเบิกบาน
      7.9 ทำให้แกล้วกล้า กล้าหาญในที่ชุมชน คือ จะไปไหนเดินไปรู้สึกองอาจ
      7.10ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณฟุ้งไป คือ มีเกียรติยศ ชื่อเสียง
      7.11 เป็นเครื่องป้องกันภัยต่างๆได้ อันนี้ก็นับว่าน่าคิด การให้ทานนี่ย่อมจะป้องกันภัยได้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคนไหนเราเคยช่วยเหลือเขา เวลาลำบากเขาก็อาจจะช่วยเหลือเราได้
    7.12 เป็นที่พึ่งอาศัยในโลกนี้ ทั้ง 12 ข้อนี้คือผลของทานที่ให้ในปัจจุบัน พวกเราพยายามคิดถึงตลอดเวลาว่าในการพูดเรื่องการสั่งสมบุญนั้นไม่ใช่มีแต่ ทานอย่างเดียว มีถึง 10 อย่าง แต่ในตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องทานอยู่ก่อน

8. ผลของทานในอนาคต คือ ในอนาคตจะได้อะไรบ้าง ในอนาคตเมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ และเมื่อกลับมาเกิดใหม่จะเป็นผู้มีฐานะดี มีบริวารมาก เพราะฉะนั้น บางคนเขากลับมาเกิดใหม่มองดูว่าเขาไม่เคยให้ทานเลย แต่พอเกิดมาถึงก็ร่ำรวย มีบริวารพวกพ้อง มีคนประคบประหงม มีคนช่วยดูแล นี่คือผลของทานในอนาคต

9. เป็นพลังปัจจัยนำไปสู่มรรคผลนิพพานในอนาคตได้ การให้ทานนี้ยังเป็นปัจจัยเข้าไปสู่นิพพานได้ เพราะฉะนั้น คนโบราณจึงบอกว่าเวลาให้ทานให้อธิษฐานว่า “ ขอให้ทานนี้ของข้าพเจ้าจงเป็นไปเพื่อการสิ้นอาสวะ เป็นปัจจัยแก่พระนิพพาน” คำว่าปัจจัย หมายความว่าเป็นเหตุให้เข้าสู่พระนิพพานได้ เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าถวายทานมากมายในสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เป็นการสั่งสมบารมีข้อหนึ่งในการย่างเข้าสู่พระนิพพาน เพราะฉะนั้น ทานนี้ก็เป็นเหตุให้เข้าสู่นิพพานได้ ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัย แต่ไม่ใช่ว่าเป็นฐานโดยตรง ฐานโดยตรงในการเข้าสู่นิพพานคือ ศีล สมาธิ ปัญญา แต่ทานนี้เป็นตัวหนุนได้

จากหนังสือ การสั่งสมบุญ ด้วยการให้ทาน โดย พระราชวิสุทธิกวี ( พิจิตร ฐิตวณโณ) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร

ขอบคุณรูปน่ารักจาก dek-d.com ครับ