2. ให้ทานด้วยความเคารพ ผลของทานจะทำให้ผู้นั้นเป็นคนมีทรัพย์มาก มีผู้อื่นเชื่อฟัง คือ บางคนมีทรัพย์สมบัติ แต่ไม่ค่อยมีคนเชื่อฟัง นี่ผู้อื่นจะเชื่อฟังเพราะคนผู้นั้นให้ทานด้วยความเคารพ
3.ให้ทานตามกาลอย่างการถวายผ้าป่าถวายกฐินหรือทำทานอะไรตามกาลเวลาผลของทาน จะให้ผู้นั้นมีทรัพย์มากมีความต้องการตามกาลย่อมได้รับสิ่งนั้นโดยสมบูรณ์
4.ให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์คือหวังว่าจะอนุเคราะห์คนอื่นเพื่อเกื้อกูล เพื่อช่วยเหลือผลของทานจะทำให้ผู้นั้นมั่นคงมีทรัพย์มากและจิตของเขาจะน้อม ไปเพื่อประโยชน์ตามคุณค่าอันโอฬารคือมีทรัพย์แล้วใช้ทรัพย์ให้เกิดประโยชน์ แต่บางคนมีทรัพย์แล้วจะเก็บไว้เฉยๆหรือใช้นิดหน่อยพวกนี้การให้ทานคราวก่อน นั้นไม่มีลักษณะอนุเคราะห์เกื้อกูล
5. ผู้ให้อาหารเป็นทาน ชื่อว่าให้อายุ ผิวพรรณ ความสุข กำลัง และปฏิภาณ นี้ในพระไตรปิฏกก็บ่งไว้อย่างนั้น ในที่นี้ถอดเอาแต่ย่อๆมาว่า ถ้าให้อาหารเป็นทาน ตนย่อมได้รับสิ่งตอบสนองเป็นของมนุษย์บ้าง เป็นทิพย์บ้าง
6. ผู้ใดให้ของที่เลิศ ให้ของที่ดี ให้ของที่ประเสริฐ ผู้นั้นไปเกิดในที่ใดๆย่อมมีอายุยืน มียศในที่นั้นๆ ข้อนี้ก็คล้ายกับที่พูดมาในตอนต้น เป็นการย้ำ
7. ผลของทานที่ให้ในปัจจุบัน( บางคนคิดว่าให้ทานแล้วต้องรอกินผลในชาติต่อไปเท่านั้น) ทานนี้ให้ผลในชาติปัจจุบันด้วย โดยทานที่ให้ผลในชาติปัจจุบันนั้น ท่านแยกออกเป็น 12 ข้อ คือ
- 7.1 เป็นที่มาของสมบัติทั้งหลาย คือเป็นที่เกิดของสมบัติ
- 7.2 เป็นที่ตั้งแห่งโภคทรัพย์ทั้งหลาย โภคทรัพย์ คือ ของใช้สอย
- 7.3 ทำให้ได้รับความสุขในปัจจุบัน
- 7.4 ทำให้ผู้ให้เป็นที่รักของคนเป็นอันมาก อันนี้แน่นอน ถ้าคนไหนเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนก็รักมาก ลองเราให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ใคร เราก็ได้เป็นมิตรทันที ได้เป็นญาติเป็นมิตรทันที คนที่เขามีพวกพ้องพี่น้องบริวารมากเพราะเขาไม่ขี้เหนียว
- 7.5 ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้ ข้อนี้แน่นอน เพราะแม้เขาโกรธ แต่พอเราให้เขาก็เลยไม่โกรธเรา
- 7.6 ทำให้เป็นผู้มีเสน่ห์ คือ คนให้ทานย่อมเป็นคนมีเสน่ห์ หมายความว่ามีคนอื่นรัก ไม่จำเป็นต้องไปทำเสน่ห์ยาแฝด เป็นต้น
- 7.7 ทำให้เป็นที่เคารพ คบหาของคนดี คนดีชอบคนที่ชอบให้ทาน
- 7.8 ทำให้เข้าสังคมได้คล่องแคล่ว คนไหนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เข้าสังคมไหนก็รู้สึกเบิกบาน
- 7.9 ทำให้แกล้วกล้า กล้าหาญในที่ชุมชน คือ จะไปไหนเดินไปรู้สึกองอาจ
- 7.10ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณฟุ้งไป คือ มีเกียรติยศ ชื่อเสียง
- 7.11 เป็นเครื่องป้องกันภัยต่างๆได้ อันนี้ก็นับว่าน่าคิด การให้ทานนี่ย่อมจะป้องกันภัยได้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคนไหนเราเคยช่วยเหลือเขา เวลาลำบากเขาก็อาจจะช่วยเหลือเราได้
- 7.12 เป็นที่พึ่งอาศัยในโลกนี้ ทั้ง 12 ข้อนี้คือผลของทานที่ให้ในปัจจุบัน พวกเราพยายามคิดถึงตลอดเวลาว่าในการพูดเรื่องการสั่งสมบุญนั้นไม่ใช่มีแต่ ทานอย่างเดียว มีถึง 10 อย่าง แต่ในตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องทานอยู่ก่อน
8. ผลของทานในอนาคต คือ ในอนาคตจะได้อะไรบ้าง ในอนาคตเมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ และเมื่อกลับมาเกิดใหม่จะเป็นผู้มีฐานะดี มีบริวารมาก เพราะฉะนั้น บางคนเขากลับมาเกิดใหม่มองดูว่าเขาไม่เคยให้ทานเลย แต่พอเกิดมาถึงก็ร่ำรวย มีบริวารพวกพ้อง มีคนประคบประหงม มีคนช่วยดูแล นี่คือผลของทานในอนาคต
9. เป็นพลังปัจจัยนำไปสู่มรรคผลนิพพานในอนาคตได้ การให้ทานนี้ยังเป็นปัจจัยเข้าไปสู่นิพพานได้ เพราะฉะนั้น คนโบราณจึงบอกว่าเวลาให้ทานให้อธิษฐานว่า “ ขอให้ทานนี้ของข้าพเจ้าจงเป็นไปเพื่อการสิ้นอาสวะ เป็นปัจจัยแก่พระนิพพาน” คำว่าปัจจัย หมายความว่าเป็นเหตุให้เข้าสู่พระนิพพานได้ เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าถวายทานมากมายในสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เป็นการสั่งสมบารมีข้อหนึ่งในการย่างเข้าสู่พระนิพพาน เพราะฉะนั้น ทานนี้ก็เป็นเหตุให้เข้าสู่นิพพานได้ ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัย แต่ไม่ใช่ว่าเป็นฐานโดยตรง ฐานโดยตรงในการเข้าสู่นิพพานคือ ศีล สมาธิ ปัญญา แต่ทานนี้เป็นตัวหนุนได้
จากหนังสือ การสั่งสมบุญ ด้วยการให้ทาน โดย พระราชวิสุทธิกวี ( พิจิตร ฐิตวณโณ) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณรูปน่ารักจาก dek-d.com ครับ